เลี้ยงปลานิลในกระชัง
การเลี้ยงปลานิลในกระชัง
การเลี้ยงปลาขนาดตลาด ผู้เลี้ยงควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ คือ ขนาดปลาที่ตลาดต้องการและระยะเวลาที่ผลผลิตออกสู่ตลาดในเวลาที่เหมาะสมแล้วจึงพิจารณาย้อนกลับเพื่อหาขนาดและจำนวนปลาที่จะปล่อยลงเลี้ยง
เนื่องจากการเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในกระชังมีเป้าหมายการผลิตเพื่อการค้า
ซึ่งผู้เลี้ยงควรที่จะผลิตปลาออกมาให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อในระยะเวลาที่เหมาะสมและมีปริมาณเพียงพอ
อัตราปล่อยที่กำหนดจะอยู่ภายใต้การตัดสินใจ
ซึ่งควรคำนึงถึงข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
ระยะเวลาการเลี้ยงปลานิลในกระชัง
การเร่งให้ผลผลิตออกมาในเวลาอันรวดเร็ว (ระยะเวลาเลี้ยงสั้น) จะต้องปล่อยปลาลงเลี้ยงในอัตราไม่หนาแน่นนักและใช้ปลาที่มีขนาดใหญ่
อัตราการปล่อยปลาขึ้นอยู่กับขนาดของกระชัง
โดยที่กระชังขนาดเล็กสามารถปล่อยได้ในอัตราค่อนข้างหนาแน่น
ในขณะที่กระชังขนาดใหญ่มากอัตราการปล่อยลงเลี้ยงอาจลดลง 6-8 เท่า
ตัวอย่าง เช่น กระชังขนาด 1-4 ลูกบาศก์เมตร ปล่อยปลานิลแปลงเพศในอัตรา
300-400 ตัวต่อลูกบาศก์เมตร จะสามารถผลิตปลาให้ได้ขนาดปริมาณ
400-500 กรัม และหากปล่อยในอัตรา 200-250 ตัว ต่อลูกบาศก์เมตร จะผลิตปลาได้ขนาดประมาณ 700 กรัม
ในขณะที่กระชังขนาด 100 ลูกบาศก์เมตร ปล่อยปลาในอัตรา 50
ตัวต่อลูกบาศก์เมตร จะสามารถผลิตปลาได้เพียงขนาดเฉลี่ย 400-500
กรัม เท่านั้น สำหรับขนาดปลาหากเลี้ยงปลาขนาด 5-10 กรัม เลี้ยงให้ได้ขนาด 250-300 กรัม ต้องใช้เวลา 6-8
เดือน แต่หากต้องการปลาที่มีขนาดใหญ่ จำเป็นต้องปล่อยลูกปลาใหญ่ขึ้น
หรือแบ่งการเลี้ยงออกเป็นช่วงๆ
ขนาดปลาที่ตลาดต้องการ
ถ้าต้องการปลาขนาดใหญ่ ควรปล่อยปลาลงเลี้ยงใรอัตราความหนาแน่น และ/หรือ
ยืดระยะเวลาเลี้ยงให้นานขึ้น ในทางตรงกันข้ามหากตลาดมีความต้องการปลาขนาดเล็ก
ผู้เลี้ยงสามารถปล่อยปลาในอัตราสูง และ/หรือ ร่นระยะเวลาเลี้ยงให้สั้นลง
การเลี้ยงปลาวัยอ่อนเป็นปลารุ่น
และการเลี้ยงปลารุ่นเป็นปลาขนาดตลาด
การเลี้ยงปลาในกระชังควรแบ่งการเลี้ยงออกเป็นหลายๆ
ช่วง เพื่อความสะดวกในการจัดการดูแล ย่นระยะเวลาในการเลี้ยงในแต่ละช่วงให้สั้นลง
ทั้งนี้เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งเป็นขั้นตอนต่างๆ
ได้แก่
1. การเลี้ยง/อนุบาลลูกปลาขนาดเล็กเป็นปลาวัยรุ่น
2. การเลี้ยงลูกปลาสัยอ่อนเป็นปลาวัยรุ่น
3. การเลี้ยงปลาวัยรุ่นเป็นปลาขนาด
100-200 กรัม
4. การเลี้ยงปลาวัยรุ่น
หรือปลาขนาด 100-200 กรัม เป็นปลาขนาดตลาด
การเลี้ยงปลาวัยอ่อนเป็นวัยุร่น
การอนุบาลลูกปลาวัยอ่อนถึงขนาด
50-100 กรัมนั้น
เป็นการเลี้ยงเพื่อส่งต่อไปยังผู้เลี้ยงปลาขนาดตลาด
ซึ่งอาจจะดำเนินการได้ทั้งในบ่อดิน และในกระชัง
สำหรับการเลี้ยงในกระชังผู้เลี้ยงควรทำการคัดขนาดปลาทุก 4-6 สัปดาห์
เพื่อคัดปลาที่แคระแกร็นออก การเลี้ยงเริ่มจากปลาขนาดประมาณ 1 กรัม สามารถเลี้ยงในกระชังขนาดตา 1/4 นิ้ว
ด้วยอัตราปล่อย 3,000 ตัวต่อลูกบาศก์เมตร ใช้เวลาประมาณ 7-8
สัปดาห์ จะได้ปลาขนาดประมาณ 10 กรัม
เพื่อนำไปคัดและเลี้ยงต่อไปให้ได้ปลาขนาด 25-30 กรัม
โดยเลี้ยงในกระชังขนาดตา 1/2 นิ้ว ด้วยอัตราปล่อย 2,500
ตัวต่อลูกบาศก์เมตร ประมาณ 5-6 สัปดาห์
ก็จะได้ปลาขนาดเล็กเฉลี่ย 25-30 กรัม ตามต้องการ
ช่วงที่อนุบาลลูกปลาเล็กเป็นปลาวัยรุ่นควรให้อาหารที่มีปริมาณโปรตีนสูงไม่น้อยกว่า
25 %
การเลี้ยงปลาวัยรุ่นเป็นปลาขนาดตลาด
หลังจากอนุบาลลูกปลาได้ 12 - 14 สัปดาห์
ควรคัดขนาดเพื่อให้ได้ปลาที่จะนำไปเลี้ยงต่อมีขนาดสม่ำเสมอกล่าวคือ
จะได้ปลาวัยรุ่นขนาดปลาประมาณ 50 - 60 กรัม
ก่อนนำไปเลี้ยงเป็นปลาขนาดตลาด ควรแบ่งการเลี้ยงออกเป็นอีกขั้นตอน
เป็นการเลี้ยงปลารุ่นให้เป็นปลาขนาด 100 กรัม
โดยใช้อัตราปล่อยลงเลี้ยงในกระชัง 1,500 ตัวต่อลูกบาศก์เมตร
จะใช้เวลาประมาณ 5 สัปดาห์
หรือถ้าต้องการนำไปเลี้ยงเป็นปลาขนาดตลาดเลยควรปล่อยในอัตรา 1,000 ตัวต่อลูกบาศก์เมตร ใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงประมาณ 9 - 10 สัปดาห์ ควรให้อาหารเม็ดชนิดลอยน้ำที่มีดาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงาน
และมีโปรตีนประมาณ 25% ในปริมาณ 5 % ของน้ำหนักตัวปลาวันละ
3 เวลา โดยมีการปรับปริมาณอาหารทุก 15 วัน
จะได้ปลาขนาด 300 - 400 กรัม
การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในกระชัง
โดยแบ่งการเลี้ยงออกเป็นช่วงต่างๆ
ดังกล่าวข้างต้น มีข้อดี คือ ผู้เลี้ยงสามารถทราบผลผลิตที่แน่นอน ปลาที่ได้มีขนาดสม่ำเสมอเหมาะสำหรับการผลิตเพื่อการค้า
สามารถปรับขนาดตากระชังให้เหมาะสมกับขนาดปลาที่เลี้ยงได้
การเพิ่มขนาดตากระชังจะเป็นประโยชน์นด้านการหมุนเวียนถ่ายเทน้ำในกระชัง
ซึ่งจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของปลาให้ดียิ่งขึ้น
ขั้นตอนต่างๆ
นี้ผู้เลี้ยงสามารถส่งต่อกันเป็นลักษณะผู้เลี้ยงปลาขนาดต่างๆ
ซึ่งแต่ละขั้นตอนใช้เวลาไม่นานนัก ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถมีรายได้ในเวลาอันรวดเร็ว
มีอัตราเสี่ยงในการลงทุนต่ำ และลงทุนไม่มากนัก
ปัญหาและอุปสรรคการเลี้ยงปลาในกระชัง
แม้ว่าการเลี้ยงปลาในกระชังจะมีข้อดีได้เปรียบหลายประการ
แต่ก็มีปัญหาอุปสรรคและข้อจำกัดของการเลี้ยงอยู่บ้าง ได้แก่
1. อาจจะมีการรบกวนจากปลาธรรมชาติ
และศัตรูปลาในธรรมชาติ
2. ปลาขนาดเล็กหลุดเข้าไปในกระชัง
และแย่งอาหารปลาได้
3. การดูแลจัดการแม้ว่าจะสะดวก
แต่ต้องเสียเวลาและแรงงานมากกว่าการเลี้ยงรูปแบบอื่น
4. ปัญหาการลักขโมย
ค่อนข้างง่าย
5. ลักษณะการเลี้ยงในกระชังเป็นรูปแบบที่ต้องใช้อาหารเลี้ยงเป็นหลักซึ่งต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก
อาหารส่วนหนึ่งสูญเสียโดยลอดตากระชังออกไปข้างนอก
6. น้ำต้องดีตลอด
ถ้าสิ่งแวดล้อมไม่ดี น้ำเสีย จะทำให้ปลาตายหมดกระชังได้
7. ปลาจะเป็นโรคติดต่อกันได้ง่าย
8. ถ้ามีการเลี้ยงกันมากๆ
มูลปลาและเศษอาหารที่เหลือจะตกไปที่พื้นเกิดหมักหมม ทำให้น้ำเน่า
สิ่งแวดล้อมเสียได้ โดยเฉพาะที่น้ำนิ่งไม่มีน้ำถ่ายเท
การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในกระชัง
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า
กระชังที่ใช้เลี้ยงอาจทำใด้หลายขนาด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม
เช่น ความลึกและความแรงของกระแสน้ำ ตลอดจนขนาดและจำนวนปลาที่ต้องการเลี้ยง จากการศึกษาของกรมประมง
(สถานีประมงน้ำจืดจังหวัดอุตรดิตถ์) สามารถกล่าได้ว่า
การเลี้ยงปลานิลในกระชังจะไห้ผลผลิตเฉลี่ยระหว่าง 180 - 212 กิโลกรัม/กระชัง
(กระชังขนาด 2.0 x 2.0 x 2.5 เมตร)
โดยปล่อยปลาลงเลี้ยงในอัตราความหนาแน่น 60 ตัว/ลูกบาศก์เมตร
หรือเท่ากับ 500 ตัว/กระชัง (ลูกปลาขนาด 60 กรัม) ระยะเวลาการเลี้ยงประมาณ 63 วัน
ก็จะได้ขนาดตลาด (ตัวละ 3 ขีด) ซึ่งหากราคาจำหน่ายกิโลกรัมละ
40 บาท ก็จะทำให้มีรายได้ถึง 7,200 - 8,480 บาท/กระชัง/2เดือน จากต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 5,985
บาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 1,215 - 2,495 บาท/กระชัง/2เดือน ทั้งนี้สภาพการเลี้ยงจริงมักจะทำการเลี้ยงเป็นแพ แพละอย่างน้อย 4
กระชัง ดังนั้นจะทำให้ผู้เลี้ยงมีรายได้ระหว่าง 2,430 -
4,990 บาท/เดือน/4กระชัง
ซึ่งสามารถค้ำจุนครอบครัวขนาดเล็กได้อย่างพอเพียง
สำหรับรายละเอียดการเลี้ยงดังกล่าว
กระชังที่ใช้เลี้ยงมีขนาด 2.0 x 2.0 x 2.5 เมตร
ทำด้วยอวนไนลอนขนาดช่องตา 1 นิ้ว แขวนอยู่บนแพๆละ 3 กระชัง โครงทำด้วยท่อเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว
ใช้ถังพลาสติกเป็นทุ่นลอย กระชังแขวนลอยน้ำ เป็นต้นทุน 5,000 บาทต่อแพ(4กระชัง) โดยจะมีอายุการใช้งาน 3 ปี
ปล่อยปลาขนาดตัวละประมาณ
60 กรัม ลงเลี้ยงในกระชัง ในอัตราความหนาแน่น 60 ตัว/ลูกบาศก์เมตร หรือกระชังละ 500 ตัว
ให้อาหารเม็ดสำหรับปลากินพืชที่มีระดับโปรตีนร้อยละ 30 วันละ
2 ครั้ง ให้ช่วงเช้าและบ่าย โดยให้กินจนอิ่ม
ทำการเลี้ยงโดยใช้ระยะเวลา 63 วัน
จะได้ผลดังตารางแสดงอัตราการเจริญเติบโตดังนี้
ตาราง
แสดงอัตราการเจริญเติบโตของปลานิลแปลงเพศที่เลี้ยงในกระชัง
น้ำหนักเพิ่มต่อวัน(ค่าเฉลี่ย) |
4.9
- 5.86 กรัม/ตัว |
อัตราการเจริญเติบโตจำเพาะ |
2.82 - 3.05 เปอร์เซนต์/วัน |
อัตราการรอดตาย |
96.2 - 96.6 เปอร์เซนต์ |
อัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อ |
1.21 - 1.42 |
ปริมาณอาหารที่ใช้(ต่อกระชัง) |
211 - 218 กก. |
ผลผลิต |
180 - 212 กก. |
ส่วนรายละเอียดต้นทุนการผลิตได้มรการนำค่าทางหลักเศรษฐศาสตร์
ได้แก่ ค่าเสียโอกาสการลงทุน ค่าแรงงาน ค่าเสื่อมราคา มาคำนวณด้วย
เพื่อให้ผลที่ได้สะท้อนถึงต้นทุนที่เป็นจริง โดยมีรายละเอียดดังตาราง
รายกาาร |
เฉลี่ย |
หมายเหตุ |
1. ต้นทุนผันแปร |
|
|
1.1 ค่าพันธุ์ปลานิลเพศผู้ |
1,000.00 |
ตัวละ 2 บาท ขนาด 50 กรัม |
1.2 ค่าอาหารปลา |
4,352.40 |
214.9 กิโลกรัมๆ ละ 20.25 บาท |
1.3 ค่าแรงงาน |
292.57 |
ชั่วโมงละ 25.45 บาท เลี้ยง 63 วัน จับปลาทำความสะอาดกระชัง |
1.4 ค่าเสียโอกาสเงินลงทุนของต้นทุนผันแปร
(คิดจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำร้อยละ 4.5 บาทต่อปี) |
44.18 |
|
รวมต้นทุนผันแปร |
5,689.15 |
|
2. ต้นทุนคงที่ |
|
|
2.1 ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ |
250.00 |
|
2.2 ค่าเสียโอกาสเงินลงทุนคงที่
(คิดจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำร้อยละ 4.5 บาทต่อปี) |
2.25 |
|
รวมต้นทุนคงที่ |
252.50 |
|
รวมต้นทุนทั้งหมด(บาท) |
5,942.00 |
|
ผลตอบแทนและรายได้
ภายหลังการเลี้ยง
63 วัน จะได้ผลผลิต 180 - 212 กก.
จำหน่ายในราคา 40 บาท/กก. จะมีรายได้อยู่ในช่วง 7,213
- 8,502 บาท ซึ่งเมื่อนำต้นทุนทั้งหมดหักออกจากรายได้
จะมีกำไรสุทธิระหว่าง 1,294 - 2,439 บาท/กระชัง
โดยมีจุดคุ้มทุนที่ 31.11 บาท โดยมีรายละเอียดการลงทุน -
ผลตอบแทนดังตาราง
รายการ |
รายได้ |
รายได้เฉลี่ย |
ระยะเวลาการเลี้ยง(วัน) |
63 |
- |
ผลผลิตปลา(กิโลกรัม) |
180
- 212 |
196 |
ราคาปลานิล(บาท) |
40 |
- |
รายได้จากการขายปลา(บาท) |
7,213
- 8,502 |
7,857.5 |
ต้นทุนทั้งหมด(บาท) |
5,918
- 6,062 |
5,990 |
รายได้สุทธิ(บาท/กระชัง) |
1,294
- 2,439 |
1,866.5 |
ราคาจุดคุ้มทุน(บาท/กิโลกรัม) |
28.5
- 32.8 |
30.65 |
ผลตอบแทนต่อต้นทุน(ร้อยละ) |
21.8
- 40.2 |
31 |
หมายเหตุ :
จากข้อมูลทดลองเลี้ยงของสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 9 กระชัง